การแก้ปัญหาเกี่ยวกับHardware
Mouse เมาส์ไม่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว
ปัญหา : เมาส์ไม่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว
สาเหตุ : สายเมาส์เสียบไม่แน่นหนาในช่องเสียบที่ถูกต้อง ซึ่งอยู่ด้านหลังของคอมพิวเตอร์
การแก้ปัญหา : ตรวจสอบและเสียบสายเมาส์ให้แน่น
ปัญหา : เมาส์ไม่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว
สาเหตุ : ไม่ได้ติดตั้งไดรเวอร์ของเมาส์ หรือ ติดตั้งไดรเวอร์ที่ไม่ถูกต้อง
การแก้ปัญหา : ตรวจดูให้แน่ใจว่าได้ติดตั้งไดรเวอร์ของเมาส์ที่ถูกต ้อง จากเดสก์ทอปของวินโดวส์ให้คลิกที่ปุ่ม Start จากนั้น ชี้ไปที่ Settings แล้วคลิกที่ Control Panel เมื่อเห็นหน้าต่าง Control Panel ให้ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Mouse แล้วคลิกที่แท็บ General
ปัญหาเกี่ยวกับ Keyboardโดยปกติแล้วคีย์บอร์ดจะเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ค่อยมีปัญหา เวลาใช้งานมากนัก แต่ถ้าใช้งานไปเป็นเวลานานก็อาจจะเกิดเป็นปัญหาขึ้นไ ด้เหมือนกัน เช่น
ปุ่มคีย์บอรด์แข็ง กดแป้นพิมพ์ไม่ค่อยได้ บางทีกดปุ่มใช้งานคีย์บอร์ดไม่ได้เลยทั้งที่ซื้อมาให ม่
ปัญหาเหล่านี้ บางคนก็แก้ด้วยวิธีการซื้อมาเปลี่ยนใหม่เพราะราคาถูก ทั้ง ๆ ที่เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ง่ายนิดเดียว ซึ่งมักเกิดกับคีย์บอร์ดมีดังนี้
-คีย์บอรด์แข็ง บางปุ่มกดไม่ลง
คีย์บอร์ดเป็นอุปกรณ์ที่เราต้องทำงานด้วยมากที่สุดพอ กับใช้เม้าส์ โดยเมื่อใช้ไปนาน ๆ เข้าก็จะมีฝุ่นผงคราบสกปรกเข้าไปเกาะติดอยู่
พอสะสมมากเข้าจะเป็นเหตุให้ปุ่มบนคีย์บอร์ดแข็ง กดไม่ค่อยลงเกิดปัญหาเวลาใช้งานคีย์บอร์ด เช่น พิมพ์งานเอกสารหรือโปรแกรมสเปรดชีตต่าง ๆ
สำหรับวิธีแก้ไขคือ ให้ใช้แปรงปัดฝุ่นและคราบสกปรกตามซอกปุ่มต่าง ๆ บนตัวคีย์บอร์ด แต่ถ้าปุ่มแข็งมากให้ใช้วิธีถอดปุ่มมาทำความสะอาด
ดังนี้
1. ให้ใช้แปรงขนอ่อนขนาด 1 นิ้ว มาปัดฝุ่นตามซอกปุ่ม จนเห็นว่าสะอาดดีแล้ว ให้ลองกดปุ่มดุด้วยว่ากดได้งายขึ้นหรือไม่
2. หากยังไม่หาย มีปุ่มกดบางปุ่มยังแข็งอยู่กดปุ่มไม่ค่อยได้ ก็ให้ใช้ไขควงปากแบนค่อย ๆ งัดปุ่มออกม่ทีละปุ่ม เพื่อให้มีพื้นที่ว่างมากขึ้น
และใช้แปรงขนอ่อนปัดฝุ่นผงที่เกาะติดอยู่ตามซอกต่าง ๆ จนหมด หลังจากนั้นให้ใส่ปุ่มกลับเข้าที่เดิม ( แกะและทำความสะอาดทีละปุ่มจะได้ไม่งงเวลาที่ใส่กลับท ี่เดิม )
-เครื่องแจ้งว่า " KEYBOARD ERROR NO KEYBOARD PRESENT "
เมื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์มาทำงาน บางครั้งจะพบกับข้อความหน้าจอไบออสแจ้งว่า " KEYBOARD ERROR NO KEYBOARD PRESENT "หมายถึง ตรวจไม่พบคีย์?บอร์โที่ติดตั้งอยู่ สาเหตุอาจเป็นเพราะคีย์บอร์ดและเม้าส์ มีลักษณะเป็นขั้วต่อแบบ PS/2 เหมือนกัน ดังนั้นจึงอาจเสียบผิดก็ได้
การแก้ไขให้ตรวจสอบการเสียบบอร์ดที่ท้ายเคสว่าถูกต้อ งหรือไม่ ซึ่งขั้วต่อคีย์บอร์ดจะมีสีม่วง ส่วนขั้วต่อของเม้าส์จะมีสีเขียว ให้ถอดออกมาเสียบให้ถูกต้อง
หากยังมีข้อความดังกล่าวปรากฏอยู่อีกแสดงว่าคีย์บอรด ์เสีย ให้หาซื้อมาเปลี่ยนใหม่ในราคาตัวละ 150-300 บาท
-เครื่องแจ้งว่า " KEYBOARD CONTROLLER FAILURE "
อาการดังกล่าวอาจมีสาเหตุมาจากคีย์บอร์ดเสีย ให้ลองหาคีย์บอร์ดอื่นมาลองติดตั้งใช้งานแทน หากพบว่าคีย์บอร์ดเสียจริงให้หาซื้อมาเปลี่ยนใหม่ ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งมักเกิด
จากชิปคอนโทรลคีย์บอร์ดที่อยู่บนเมนบอร์ดเสีย หรือลายวงจรควบคุมคีย์บอร์ดแตกหรือหลุดเนื่องจากการถ อดเข้า-ออกขั้วต่อคีย์บอร์ดบ่อยเกินไป
เมื่อคีย์บอร์ดใช้งานม่ได้ ผู้ใช้หลายคนจำเป็นต้องให้ช่างหาซื้อเมนบอร์ดมาเปลี่ ยนใหม่ เนื่องจากการซ่อมเมนบอร์ดค่อนข้างยากจะร้านรับซ่อมไม ่ค่อยได้
แต่ถ้าเป็นร้านที่มีความชำนาญในการรับซ่อมเมนบอร์ดโด ยเฉพาะก็อาจจะซ่อมได้
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Mouse
-เลื่อนเมาส์ไม่ค่อยได้
ปัญหายอดฮิตของการใช้เมาส์ แต่เนื่องจากเมาส์มีราคาถูกเพียงตัวละ 80-200 บาทเท่านั้น ผู้ใช้ส่วนใหญ่จึงไม่ใส่ใจต่อปัญหานี้และคิดในใจว่าเ ป็นเพราะเมาส์ราคาถูกจึงเสียง่าย ความจริงแล้วเมาส์ไม่ได้เสียง่ายขนาดนั้นแต่เป็นเพรา ะเมาส์มีส่วนที่ต้องเคลื่อนไหวมาก โดยการเลื่อนลูกบอลยางไปกับพื้นหรือแผ่นรองเมาส์ จึงมักดูดเอาฝุ่นผงสกปรกต่าง ๆ เข้ากับติดอยู่กับแกนหมุน ทำให้แกนหมุนไม่ทำงานจึงไม่สามารถที่จะตรวจจับตำแหน่ งที่เมาส์เคลื่อนที่ไปได้
สำหรับวิธีการแก้ไขก็คือ ให้ถอดเมาส์ออกมาทำความสะอาดเอาฝุ่นผงออกไปจากลูกบอล ยางและแกนหมุนเท่านั้นเมาส์ก็จะใช้ได้ต่อไป
โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. เปิดฝาครอบลูกบอลออก โดยหมุนบิดไปตามทิศทางของลูกศรที่แสดงบนฝาครอบ ใช้นำยาสเปรย์ฉีดทำความสะอาดลูกบอลและเช็ดให้แห้ง
2. ใช้นำยาสเปรย์ฉีดล้อหมุนแกนหมุนแนวตั้งและแกนหมุนแนว นอน และใช้ไม้สำลีเช็ดจนไม่มีฝุ่นผงติดอยู่ที่แกนหมุนทั้ งสาม
3. เมื่อเห็นว่าแกนหมุนทั้งหมดสะอาดดีแล้ว ให้ใส่ลูกบอลพร้อมปิดฝาครอบกลับเข้าที่เดิม ซึ่งเมาส์ก็จะกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม
- คลิกเมาส์ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
ภายในเมาส์จะมีสวิทช์ชนิดหนึ่งมีขนาดเล็กซึ่งเรียกว่ า ไมโครสวิทช์สำหรับรับคำสั่งจากการคลิกเมาส์ เมื่อใช้เมาส์ไปนาน ๆ ก็จะมีเศษฝุ่นเข้าไปเกาะติดหน้าสัมผัสของวงจรภายในไม โครสวิทช์ ทำให้เกิดอาการคลิกเมาส์ไม่ค่อยได้จึงมีวิธีการแก้ไข ดังนี้คือ
1. หงายท้องเมาส์ พร้อมกับใช้ไขควงคลายน็อตที่ยึดเมาส์ออกให้หมด
2. เปิดฝาครอบตัวเมาส์ออกมาแล้วจึงใช้นำยาสเปรย์ฉีดพ่นท ำความสะอาดไมโครสวิทช์หลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้นำยาสเปรย์ ได้แทรกเข้าไปละลายสิ่งสกปรกบนหน้าสัมผัสภายในสวิทช์ จนกว่าจะกดสวิทช์ได้อย่างสะดวก ซึ่งคงทำให้อาการดังกล่าวหายได้
Software
5 ปัญหาคลาสสิคของ Software Development Process ที่มีผลต่อ Software Testing
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเรื่องของการพัฒนา Software ตั้งแต่หัดเขียน Software ใหม่ๆ ข้ามมาเรียนแบบเป็นหลัก เป็นการ ในสมัยมหาวิทยาลัย จนกระทั่งอาจหาญลองรับงานเขียน Software เองเลย ก็ไม่เคยได้้รู้จักว่า Software Testing หรือ Tester หรือ Software Tester นี่มันคืออะไร แทบจะบอกว่าไม่เคยได้ยินซะด้วยซ้ำ ก็เป็นไปได้ (เท่าที่พอจะนึกลำดับความทรงจำกลับไปได้)
จนกระทั่งวันหนึ่งชีวิตก็พลิกผัน จากที่การเป็น System Administrator มาเป็น Tester ถึงได้สัมผัสรสชาติของ Software Testing และชีวิตแบบ Software Tester ว่ามันเป็นเช่นไร ซึ่งก็ต้องยอมรับกันจริงๆ ว่างานทางด้าน Software Testing ยังเป็นที่รู้จักน้อยจริงๆ แต่ก็ยังดีกว่าเมื่อก่อนที่รู้จักกันอยู่ในวงแคบๆ เท่านั้น
ผมลองมานั่งคิดทบทวนดูว่า ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาในงานทางด้าน Software Testing ได้พบเจอปัญหาอะไรบ้างของ Software Development Process ที่ส่งผลกับงานทางด้าน Software Testing บ้าง จนไ้ด้ออกมาเป็น 5 ปัญหาคลาสสิค ของ Software Development Process ที่มีผลต่อ Software Testing เท่าที่เคยประสบพบเจอมา
จากสถิติคราวๆ ของ Defects Originate in Project Phase
งานเยอะ แต่เวลาน้อย อย่าได้คิดเลยว่า Software Tester จะสามารถที่จะทำการทดสอบ Software นั้นๆ และหา Defects หรือ Bugs ต่างๆ ออกมาเพื่อทำการแก้ไขให้ Software นั้นๆ เสร็จ สมบูรณ์ พร้อมคุณภาพ หรือมีปัญหาให้น้อยที่สุด แค่ลำพัง Developer เขียน Coding ให่้เสร็จทันตามระยะเวลาก็จะแน่แล้ว ไฉนเลยจะมีเวลามาทำ Unit Test ละครับ
คุณภาพของงาน หรือสินค้าใดๆ ใช่ว่าใช้เวลาเพียงไม่นานจะสร้าง หรือผลิตให้ออกมามีคุณภาพได้ เช่นเดียวกันงานทางด้าน Software Testing นั้น เป็นงานที่ต้่องใช้เวลา และความละเอียดรอบคอบในการทำงาน
ต้องยอมรับกันเลยว่าเวลาที่ให้มาในส่วนของ Software Testing นั้น น้อยจริงๆ หรือบางครั้งได้มาเยอะ แต่ก็จะถูกเบียดบังเวลาจากงานก่อนหน้านั้น ที่ไม่เสร็จแล้วมาแอบกินเวลาของ Software Testing ไป จนหดสั้น เหลือนิดเดียว ฉะนั้นอย่าได้หวังว่า Defects หรือ Bugs จะน้อยครับ
หากลูกค้าบ่น หรือติ มาเรื่องของคุณภาพ หรือความไม่สมบูรณ์ของ Software เมื่อท่านๆ เหล่้านั้น พบว่า Software มีปัญหา หรือล่มไประหว่างใช้งาน ก็ต้องยิ้ม และก้มหน้าแก้ไขไป …
เมื่อมีการปรับเพิ่ม หรือลด Features หรือ Functions เกิดขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือการต้องปรับในส่วนของ Solution Design ที่ได้ถูกออกแบบมาแล้ว โชคดีไปหากการปรับเปลี่ยน Features หรือ Functions เหล่านั้น ไม่กระทบกับ Solution Design มากเท่าไร แต่หากว่าการปรับเปลี่ยนมีผลทำให้้ต้องรื้อ Solution Design ใหม่ทั้งหมด ดีไม่ดี ต้่องออกแบบกันใหม่
ทางทีม Software Testing เองก็ต้องออกแบบการ Testing รวมทั้งต้องเตรียมงานต่างๆ เพื่อใช้ในการ Testing ไม่ว่าจะเป็น Test Cases, Test Data และ Test Environment ต่างๆ ซึ่งการปรับเพิ่ม หรือลด Features หรือ Functions เองก็มีผลกับทางทีม Software Testing ด้วยเช่นกัน
แต่ก็เช่นกันใช่ว่าจะเกิดปัญหาเรื่อวนี้เฉพาะ Developer กับลูกค้าเท่านั้น Software Tester กับ Developer เองก็เช่นกัน ไม่เข้าใจก็ไม่คุยกัน มีปัญหา หรือข้อสงสัยต่างๆ ก็ไม่คุยกัน ดังนั้นก็ก่อให้เกิด Defects หรือ Bugs ที่ไม่น่าจะแจ้งไปทาง Developer เองก็มี
ฉะนั้นหันหน้ามาคุยกัน หรือคุยกัน เมื่อพอปัญหา หรือมีข้อสงสัยใดๆ ของทีมพัฒนา Software แต่บางครั้งการคุย หรือประชุม กันมากเกินไป ก็ใช่ว่าจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้น หรือเข้่าใจกันมากขึ้นนะครับ…
ทั้งหมดที่เล่ามานั้นก็เป็นจากประสบการณ์ที่ได้ประสบพบเจอมาจากการทำงาน Software Testing ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น มันอยู่ที่ทุกๆ คน ทุกๆ ส่วน ในทีมพัฒนา Software จะต้องร่วมกันทำงาน และช่วยเหลือกันเมื่อประสบปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องใดๆ เื่ำพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกัน พัฒนา Software ออกมาให้ตรงตาม Requirement ที่ได้รับ และมีคุณภาพด้วยเช่นกัน

จนกระทั่งวันหนึ่งชีวิตก็พลิกผัน จากที่การเป็น System Administrator มาเป็น Tester ถึงได้สัมผัสรสชาติของ Software Testing และชีวิตแบบ Software Tester ว่ามันเป็นเช่นไร ซึ่งก็ต้องยอมรับกันจริงๆ ว่างานทางด้าน Software Testing ยังเป็นที่รู้จักน้อยจริงๆ แต่ก็ยังดีกว่าเมื่อก่อนที่รู้จักกันอยู่ในวงแคบๆ เท่านั้น
ผมลองมานั่งคิดทบทวนดูว่า ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาในงานทางด้าน Software Testing ได้พบเจอปัญหาอะไรบ้างของ Software Development Process ที่ส่งผลกับงานทางด้าน Software Testing บ้าง จนไ้ด้ออกมาเป็น 5 ปัญหาคลาสสิค ของ Software Development Process ที่มีผลต่อ Software Testing เท่าที่เคยประสบพบเจอมา
1. ความต้องการที่สุดแย่ (Poor Requirement)
Requirement เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนา Software ใดๆ บนโลกนี้เลยก็ว่าได้ เปรียบเสมือนถ้าเริ่มต้นดี มันก็พอจะใจชื้นได้ว่า Project จะออกมาดี แต่เท่าได้ประสบพบเจอมานั้น Requirement ส่วนหนึ่งที่ผ่านมามันจะ- ไม่ชัดเจน คลุมเครือ อ่านแล้วไม่เข้าใจว่าเค้าต้องการอะไร (Unclear)
- ไม่สมบูรณ์ ประมาณรีบๆ ส่งมา (Incomplete)
- พื้นๆ บ้านๆ มากๆ จนไม่รู้ว่าต้องการอะไร เนี่ย (Too General)
- นึกไม่ออกเลยว่าจะ Test แบบไหน (Not Testable)
จากสถิติคราวๆ ของ Defects Originate in Project Phase
- 56% เกิดจาก Requirement
- 27% เกิดจาก Design
- 10% เกิดจาก Coding
- 7% เกิดจาก Other
2. แผนงานที่เพ้อฝัน (Unrealistic Schedule)
หากวางแผนการรบไม่ดี อย่าริิอาจคิดว่าจะชนะศึกใดได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการวางแผนงาน หรือ Project Plan ที่แบบเพ้อฝัน โดยไม่คิด หรือปรึกษาสมาชิกคนอื่นๆ ในทีมพัฒนา Software มันก็เป็นสัญญาณอย่างหนึ่งแล้วว่า เหนื่อยแน่แน่ เนื่องจากอะไร ต้องยอมรับกันตรงๆ ว่า ในแต่ละ Project ก็จะมี Project Manager เป็นผู้ควบคุมเรื่องของ Project Plan หากเมื่อใดที่ Project Manager (บางคน) ทำแผนงานเสนอไปยังลูกค้า โดยมิได้ปรึกษาในส่วนของแผนงานย่อยๆ ในแต่ละส่วนที่อยู่ใน Project อาศัยเพียงความเข้าใจของตัวเองเป็นหลัก รับรองได้ว่า เหนื่อยแน่แน่ (ย้ำครั้งที่ 2)งานเยอะ แต่เวลาน้อย อย่าได้คิดเลยว่า Software Tester จะสามารถที่จะทำการทดสอบ Software นั้นๆ และหา Defects หรือ Bugs ต่างๆ ออกมาเพื่อทำการแก้ไขให้ Software นั้นๆ เสร็จ สมบูรณ์ พร้อมคุณภาพ หรือมีปัญหาให้น้อยที่สุด แค่ลำพัง Developer เขียน Coding ให่้เสร็จทันตามระยะเวลาก็จะแน่แล้ว ไฉนเลยจะมีเวลามาทำ Unit Test ละครับ
3. Testing ไม่เพียงพอ (Inadequate Testing)
บ่อยครั้งที่จะได้ยินคำบ่น “Test มายังไงเนี่ย Software มีปัญหาเยอะแยะเลย” หรือไม่ก็ “โห ตอน Test ไม่เจอเลยหรือ Bug พวกนี้” หรือไม่ก็ “ผ่าน Test มาได่้ไง ไม่มีคุณภา่พเลย” เป็นต้น เหล่านี้เป็นภาพสะท้อน หลังจากส่งมอบงานให้่ลูกค้าบ้าง หรือบางทีก็คนในทีมพัฒนา Software เองก็ตาม (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)คุณภาพของงาน หรือสินค้าใดๆ ใช่ว่าใช้เวลาเพียงไม่นานจะสร้าง หรือผลิตให้ออกมามีคุณภาพได้ เช่นเดียวกันงานทางด้าน Software Testing นั้น เป็นงานที่ต้่องใช้เวลา และความละเอียดรอบคอบในการทำงาน
ต้องยอมรับกันเลยว่าเวลาที่ให้มาในส่วนของ Software Testing นั้น น้อยจริงๆ หรือบางครั้งได้มาเยอะ แต่ก็จะถูกเบียดบังเวลาจากงานก่อนหน้านั้น ที่ไม่เสร็จแล้วมาแอบกินเวลาของ Software Testing ไป จนหดสั้น เหลือนิดเดียว ฉะนั้นอย่าได้หวังว่า Defects หรือ Bugs จะน้อยครับ
หากลูกค้าบ่น หรือติ มาเรื่องของคุณภาพ หรือความไม่สมบูรณ์ของ Software เมื่อท่านๆ เหล่้านั้น พบว่า Software มีปัญหา หรือล่มไประหว่างใช้งาน ก็ต้องยิ้ม และก้มหน้าแก้ไขไป …
4. เพิ่มโน้น เพิ่มนี่ ไม่จบไม่สิ้น (Featuritis)
Developer เริ่มพัฒนา Software ไป ในระหว่างก็มีการขอเปลี่ยนแปลง Features หรือ Functions ไม่ว่าจะเพิ่มขึ้นมา หรือตัดออกไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม ใช่ว่า่จะสร้างความปวดหัว, ขุ่นเคือง หรือไม่ปลื้ม ให้กับเหล่า Developer เท่านั้น ทางทีม Software Tester ก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกันเมื่อมีการปรับเพิ่ม หรือลด Features หรือ Functions เกิดขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือการต้องปรับในส่วนของ Solution Design ที่ได้ถูกออกแบบมาแล้ว โชคดีไปหากการปรับเปลี่ยน Features หรือ Functions เหล่านั้น ไม่กระทบกับ Solution Design มากเท่าไร แต่หากว่าการปรับเปลี่ยนมีผลทำให้้ต้องรื้อ Solution Design ใหม่ทั้งหมด ดีไม่ดี ต้่องออกแบบกันใหม่
ทางทีม Software Testing เองก็ต้องออกแบบการ Testing รวมทั้งต้องเตรียมงานต่างๆ เพื่อใช้ในการ Testing ไม่ว่าจะเป็น Test Cases, Test Data และ Test Environment ต่างๆ ซึ่งการปรับเพิ่ม หรือลด Features หรือ Functions เองก็มีผลกับทางทีม Software Testing ด้วยเช่นกัน
5. ไม่เข้าใจก็ไม่คุยกัน (Miscommunication)
อีกหนึ่งเรื่องคลาสสิกก็คือ ไม่ค่อยจะคุยกัน หรือไม่ก็เข้าใจกันไปคน ละทิศ ละทาง Developer เองก็ไม่เข้าใจ หรือไม่รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร หรือไม่ Developer ก็พบว่าลูกค้าเข้าใจในบางเรื่องไม่ถูกต้อง ก็ไม่ชี้แจ้ง หรืออธิบาย เป็นต้น เหล่านี้ก็เลยเป็นที่มาของปัญหาในระหว่างการพัฒนา Software และก็ตามมาด้วย Defects หรือ Bugs ที่เกิดขึ้นเนื่องพัฒนา Software ออกมาไม่ตรงตาม Requirement หรือ System Design ที่ออกแบบไว้ก็ตามแต่ก็เช่นกันใช่ว่าจะเกิดปัญหาเรื่อวนี้เฉพาะ Developer กับลูกค้าเท่านั้น Software Tester กับ Developer เองก็เช่นกัน ไม่เข้าใจก็ไม่คุยกัน มีปัญหา หรือข้อสงสัยต่างๆ ก็ไม่คุยกัน ดังนั้นก็ก่อให้เกิด Defects หรือ Bugs ที่ไม่น่าจะแจ้งไปทาง Developer เองก็มี
ฉะนั้นหันหน้ามาคุยกัน หรือคุยกัน เมื่อพอปัญหา หรือมีข้อสงสัยใดๆ ของทีมพัฒนา Software แต่บางครั้งการคุย หรือประชุม กันมากเกินไป ก็ใช่ว่าจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้น หรือเข้่าใจกันมากขึ้นนะครับ…
ทั้งหมดที่เล่ามานั้นก็เป็นจากประสบการณ์ที่ได้ประสบพบเจอมาจากการทำงาน Software Testing ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น มันอยู่ที่ทุกๆ คน ทุกๆ ส่วน ในทีมพัฒนา Software จะต้องร่วมกันทำงาน และช่วยเหลือกันเมื่อประสบปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องใดๆ เื่ำพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกัน พัฒนา Software ออกมาให้ตรงตาม Requirement ที่ได้รับ และมีคุณภาพด้วยเช่นกัน

CASINO ONLINE - Promo Code, Coupons & Offers | JtmHub
ตอบลบJT Sportsbook and Casino has 김제 출장마사지 a 광주 출장샵 $250,000 deposit 안성 출장샵 bonus. a bonus code or one of 안동 출장안마 the following promotions:. 광주 출장안마